เชื้อรา ใช่ไหมครับ ยาตัวไหนดีครับขอคำแนะนำครับ
อาการปลายใบแห้งไม่น่าจะเกิดจากเชื้อราคับ น่าจะเป็นเพราะให้ปุ๋ยเข้มข้นเยอะไป
ถ่ายภาพไดชัดดีมาก ขออนุญาติเก็บไว้สำหรับให้สมาชิกอื่นได้ดูภาพที่ชัดๆ
เป็นอาการของโรคใบจุดขอบใบไหม้ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา
จะเห็นการพัฒนาของเชื้อเป็น วง เป็นชั้นๆออกไปจากจุดที่เริ่มการเข้าทำลายบริเวณปลายใบ และบริเวณเนื้อใบที่แห้งจะสร้างส่วนขยายพันธุ์ เป็นเม็ดสีดำกลมเล็กๆ
แนวทางการจัดการ
๑.เมื่อพบการระบาดของโรค ควรตัดแต่งกิ่งที่ป็นโรค เพื่อลดปริมาณเชื้อสาเหตุในแปลงปลูก แล้วพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืชที่มีประสิทธิภาพ
๒. กำจัดเศษซากพืช ที่ตัดแต่งกิ่งออกจากแปลงปลูกให้หมด อย่าปล่อยทิ้งไว้ จะกลายเป็นแหล่งสะสมโรคและแหล่งแพร่กระจายโรค ในช่วงที่สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมเช่นอากาศแล้งจัดๆ เศษซากพืชที่เป็นโรคเหล่านี้จะเป็นแหล่ง พักตัวของเชื้อสาเหตุโรคต่างๆ
๓. สารป้องกันกำจัดโรคพืชที่มีประสิทธิภาพ เช่นสาร กลุ่มรหัส 1( เบนโนมิล คาร์เบนดาซิม ไธอะเบนดาโซล ไทโอฟาเนทเมทิล) สารกลุ่มรหัส 3 ( ไตรฟอรีน โพรคลอราช ไดฟิโนโคนาโซล อีพ๊อกซีโคนาโซล เฮกซาโคนาโซล ไมโคลบิวทานิล โพรพิโคนาโซล ทีบูโคนาโซล และ เตตราโคนาโซล เป็นต้น ) กลุ่มรหัส 6 ( ไอโซโพรไทโอเลน) กลุ่มรหัส 7 (เฉพาะ ฟลูโอไพแรม) และสารกลุ่มรหัส 11 ( อะซ๊อกซีสโตรบิน ไพราโคลสโตรบิน ครีโซซิมเมทิล และ ไตรฟล๊อกซีสโตรบิน เป็นต้น) และ ผสม ด้วยสารประเภทสัมผัส เช่น แมนโคเซ็บ โพรพิเนป และ คลอโรทาโลนิล เป็นต้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดโอกาสดื้อของเชื้อสาเหตุ
พ่น ๒ ครั้ง ห่างกันทุก ๗-๑๐ วัน แล้วหยุดรอดูอาการบนใยใหม่
ขอบคุณมากครับผม ขอถามเพิ่มเติมครับ สาเหตุที่ทำให้เกิดเชื่อราเกิดจากอะไรครับ พอดีเป็นเกือบทั้งแปลงเลยครับ
การเข้าทำลายของเชื้อกลุ่มนี้
๑. ในใบที่ยังอ่อนอยู่ สามารถเข้าทำลายได้ด้วยตัวเชื้อเอง โดยมักจะเข้าทำลายที่จุดที่มีความชื้นสูง โดยเฉพาะที่ปลายใบ และขอบใบ
๒. ในใบที่แสดงอาการขาดธาตุอาหาร ขอบใบจะเปลี่ยนสีและแห้ง เชื้อจะเข้าทำลายซ้ำเติม ( ใบล่างในภาพ จะเห็นเชื้เริ่มเข้าทำลายเป็นแผลแดงๆเล็กๆ)
๓. เชื้อนี้มีอยู่ในเศษซากพืช และ หรือ ในพืชอื่นๆและวัชพืช
ตอนนี้ในแปลงมีลักษณะแบบนี้ครับ ที่ผมคิดคือ อากาศร้อนจัด พืชคายน้ำเยอะ ทำให้ขาดธาตุ และทำให้ปากใบเสียหาย เชื้อราเลยเข้าทำราย ใช้หรือไม่ครับ
ใช่เลยค่ะ พืชขาดธาตุอาหารขอบใบเหลืองก่อน ช่วงนี้อากาศร้อนจัด พืชจะสูญเสียธาตุอาหารได้เร็ว
จะช่วยได้คือ
๑.เพิ่มร่มเงา
๒.เพิ่มความชื้นในอากาศ (ให้น้ำพ่นฝอย)
๓. หาปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกใส่ในดิน เพื่อช่วยให้ปุ๋ยถูกดูดซับไว้ในเศษซากพืช ส่งผลให้พืชได้มีโอกาสใช้ได้นานขึ้น เพราะถ้าหากในดินไม่มีเศษซากพืชช่วยดูดซับปุ๋ยไว้ ปุ๋ยจะละลายหายไปเร็วมาก
ขอบพระคุณมากครับ ที่ให้คำชี้แนะครับ
สวัสดีครับคุณ Jumping Torsak และเพื่อนเกษตรกรทุกท่านในโพสต์นี้นะครับ ทีมงานขออนุญาตนำความรู้จากโพสต์นี้ไปเผยแพร่ต่อให้เพื่อนๆ เกษตรกรท่านอื่นในชุมชนได้เรียนรู้ ในรูปแบบของบทความแนะนำนะครับ ขอบคุณมากครับ ^^
ยินดีครับ